เคยคิดมั๊ยคะ ทำไมคู่เลิฟ คู่แต่งงาน ถึงรักกันไม่ยืด
[ ผู้โพส : ann - 21/07/2008 - 03:54 ]
เดี๋ยวนี้หลาย คู่เลิฟ ขยันตีจากและแยกทางกันนัก บางคู่ถ้าจดทะเบียนก็ถึงกับ หย่าร้างกันไปเลย ขณะที่แยกเตียงกันนอนก็มีอยู่ไม่น้อย โอ้มายก็อด เรื่องนี้ช่างน่าเห็นใจ ผู้มีความรักซะจริงจริ๊ง เพราะอย่างที่บอกมาตลอดแหละว่า
การใช้ชีวิตคู่น่ะง่ายซะที่ไหน! แถมมนุษย์เราคนเดียวกันนี่นะ วันนี้ก็แบบนึง พรุ่งนี้ก็แบบนึง และมะรืนนี้ก็อีกอย่างหละ ดูดู๋สิว่าเปลี่ยนแปลง กลับไปกลับมาได้ถึงเพียงนี้ ดังนั้น เมื่อสองคนมาอยู่ด้วยกัน แล้วจะไม่สร้างปัญหาให้แก่กันหรอ
แต่ไม่ขอฟันธงหรือฟันทิ้งและแอบเชียร์หรอกน่าว่าอยู่เป็นโสดดีกว่าแหงๆ เพราะของพรรค์นี้ ถือว่านานาจิตตัง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของใครของมัน เพราะไม่มีใครล่วงรู้อนาคตของตัวเอง ได้อยู่แล้ว เหตุนี้จึงอยากฟื้นฝอยหาตะเข็บถึง สาเหตุที่ทำให้คู่รักต้องฟุตเวิร์กแยกทางจากกัน
แล้วอะไรน้อที่ทำให้รักกันไม่ยืด มีต้นตอได้ตั้งหลายกรณี ได้แก่...
1. คู่รักที่รู้ทีหลังว่า มีพฤติกรรมเพี้ยนๆ เอ๊ะ หรืออาจเพี้ยนด้วยกันทั้งคู่ ความเพี้ยนในที่นี้ หมายถึง พฤติกรรมแปลกประหลาดที่ฝ่ายนึงแสดงออกมา แล้วอีกฝ่ายรับไม่ได้ไงเล่า ส่วนจะเพี้ยนยังไงก็เพี้ยนไปทำได้เต็มที่หากความเพี้ยนนั้น กระทบกับตัวเองคนเดียว และไม่ทำให้คู่รักเดือดร้อนตามไปด้วยก็ไม่มีปัญหาร้อก แต่ขืนพิสดารซะจนส่งผลกระทบกับอีกฝ่ายละก็ แม้อยู่ด้วยกันในบ้านที่ใหญ่โตมโหฬาร ขนาดไหนก็สร้างความอึดอัดใจให้กันได้ โดยเฉพาะ
|
|
|
ถ้าความพิสดารที่ว่า เป็นเรื่องทางเพศด้วยแล้ว โอ้ย ยิ่งไปกันใหญ่ เลยนะนั่น เช่น เวลาร่วมรักกัน ตอนแรกๆ ก็แสดงอาการถูไถไปมาแบบคนธรรมดาที่เค้าทำกันดีหรอก แต่พออยู่กันไปนานๆ สิ ลายชักออกแล้วแฮะ มีการคะยั้นคะยอให้แฟนใส่กุญแจมือกับหัวเตียง หรือใส่กุญแจมือแฟนไว้ทั้งสองข้างจะได้หนีเค้าไปไหนไม่ได้...ก็มี นี่ยังถือว่าเบาะๆนะ เพราะแรงกว่านี้ยังมี อย่างการที่ฝ่ายชายชวนฝ่ายหญิงไปเข้ากลุ่ม สวิงกิ้ง หรือ มีเซ็กซ์เป็นกลุ่ม เพราะเค้าอยากมีกิจกามกะคนอื่น แต่ถ้าไปเกเรคนเดียว เดี๋ยวจะหาว่า นอกคอก เอ้ย นอกใจ จึงเลยชวนสาวข้างกายไปด้วย ซึ่งหากฝ่ายหญิงไม่ได้มีรสนิยมทางเพศ แนวเดียวกะเค้าด้วยละก็ คงสำลักความกลุ้มใจเจียนตายเลยสินะ
|
อ้อ ความต้องการทางเพศที่ไม่เท่ากัน แบบว่า ฝ่ายนึงปรารถนามากๆๆๆ ส่วนอีกข้างปรารถนาพอสังเขป ก็เป็นปัญหาอีก ด้านฝ่ายหญิงมักตามใจคนรักนะ แม้บางวันไม่อยากให้มายุ่งด้วย ก็มักตามใจ เพราะรักก็เงียะ แต่หากเค้าอยากมากเกินเหตุก็จับเค้าใส่กระทงลอยน้ำ ไปซะเลย
2. ฝ่ายนึงไม่ยอมโตสักที หมายถึงเติบโตทางสมองแถมยังขาดวุฒิภาวะด้วยอีก คิดดูว่าถ้าอีกฝ่ายมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากๆ แล้วจะอยู่ด้วยกันยืดรื้อ? ยิ่งถ้าทั้งคู่ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่ออนาคตร่วมกันด้วยแล้ว แต่ฝ่ายนึงยังขยันใช้เงินเป็นเบี้ย แถมยัง หาได้น้อยกว่าที่ใช้ ซะด้วย จนเป็นภาระให้อีกฝ่ายต้องตามแก้ไม่รู้จบ แล้วเรือรักลำนี้จะไม่ล่มได้ไงเนี่ย เออ...ถ้าอยากจะหน่อมแน้มแต่รวยโคตรก็ว่าไปอย่าง จะทำตัวเป็นคุณหนู, คุณชาย หรือคุณนายก็ทำไปเถอะ แม้แต่ทำตัวเป็นง่อยหรือแอ๊บแบ๊ว ไปซะเลยก็ไม่มีใครว่า ถ้าแฟนของคุณรับได้ ก็ลองแบ๊วไปทั้งคู่เลยดิ่ จะจะได้คอนเฟิร์มไงว่า เรานั้นคู่กันจริง 555
3. ทำงานทำการกันคนละเวลา แล้วจะหาเวลาว่างตอนไหนมาสวีทกัน แต่การทำงานคนละเวลาแบบนี้จะเกิดปัญหาหนักหน่วงขึ้นได้ ต้องแบบไม่เจอกันเลยนะ ประมาณว่าแคล้วคลาดจากกันตลอด แม้จะอยู่บ้านเดียวกันก็ไม่ได้เจอกันเท่าไหร่ ยกเว้นวันหยุด หรือนัดกันหยุดค่อยเจออะไรเงียะ เหมือนมีอุปสรรคขัดขวางรัก ว่ามะ แต่โดยทั่วไปถ้าเผื่อ***งทว่ายังมีเวลาได้กุ๊กกิ๊กกันมั่งอาจดีกว่าเจอกันทุกวัน ด้วยซ้ำไปนะ เพราะนานๆเจอที มักทำให้ คิดถึง และจะยิ่งทำให้ได้ใช้เวลาที่เจอกันอย่างมีคุณภาพกว่าซะด้วย
4. ฝ่ายหนึ่งเริ่มไม่ต้องการเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังซะแล้ว อู้ย เรื่องมือที่สามอะไรนี่ บางครั้งก็ไม่ใช่เพราะใจสะออนปันใจไปรักใครอื่นที่ไหนหรอก แต่เป็นเพื่อนๆ หรือญาติๆ ของฝ่ายใดฝ่ายนึงนี่แหละที่มักเข้ามาเอี่ยวทำให้คู่รัก ไม่มีเวลาสำหรับพวกเขาเอง ซึ่งกรณีแบบนี้ คนมีคู่บางรายเค้าไม่อินไปด้วยหรอก เพราะการครองคู่ควรมีเวลาด้วยกันสองคนมั่งซี ไม่ใช่ไปไหนหรืออยู่ไหนก็อยู่กันเป็นหมู่คณะ หรืออยู่กันเป็นพวง คงหงุดหงิดใจน่าดู |
5. ต่างฝ่ายต่างเริ่มไม่เห็นด้วยซึ่งกันและกันเพราะแต่ละคนล้วนมีความคิด เป็นของตัวเอง เวลารักกันใหม่ๆ ให้บอกว่า ไม้เป็นนกหรือนกเป็นไม้น่ะ ได้ทั้งนั้น เพราะยามแรกรักต้องประจบสอพลองี้แหละ ไม่งั้นจะได้แอ้มกันเหรอ ทว่าพักหลังๆ มา ทั้งคู่กลับโต้เถียงและเผลอๆ รวมไปถึงการมีปากเสียง ตั้งแต่เรื่องจิ๊บจ๊อย ว่าใครควรเป็นคนเอาขยะไปทิ้ง? ไปจนถึง เกี่ยงงอนกันว่า ใครมีหน้าที่ดูแลเจ้าตูบและสวนเล็กๆ ภายในบ้านฟะ? หากตกลงหน้าที่กันไม่ได้ เดี๋ยวเหอะได้กลายเป็น สงครามประสาทภายในบ้าน แล้วจะรู้สึก!
6. ไม่สม่ำเสมอเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว ก็ตอนเค้าสม่ำเสมอน่ะ นั่นเป็นตัวปลอมยังไม่รู้อีกเหรอเนี่ย อู้ย ใครจะขยันทำตัวดีเลิศตั้งแต่วันแรกที่รู้จักจนถึงวันนี้ล่ะ นั่นนานเกินไปแล้วรู้ไหม เค้าไม่เผลอแสดงตัวตน ข้าเป็นข้าเองออกมาตั้งแต่รู้จักกันเดือนแรกก็ดีแค่ไหนแล้ว อุตส่าห์กลั้นมาได้เป็นปีนี่ถือว่าสุดยอดแล้วนะ คิดสิว่า คนเราน่ะเปลี่ยนกันได้ หนำซ้ำยังเปลี่ยนกันทั้ง 2 ฝ่ายแหละ แต่จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือลงเหวกว่าเดิม ลองตรองดูละกัน ขอแค่ถ้าเปลี่ยนไป เป็นไม่รัก ก็อย่าเกลียดละกัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางทีความรักก็ไม่ได้ชนะทุกสิ่งเสมอไป
| | | ที่มา wedding studio
|