PHP infoBoard v.5 PERFECT
แหล่งรวม ของชำร่วย การ์ดแต่งงาน กิ๊ฟเก๋ น่ารักมากมาย (click !!!)
 
จัดงานแต่งงานอย่างไร ให้ประหยัดแถมได้กำไร

[ . : admin - 4/12/2009 - 23:26 ] Admin
จัดงานแต่งงานอย่างไร ให้ประหยัดแถมได้กำไร

 


 


         เมื่อความรักกับเงินในกระเป๋าเดินสวนทางกัน คุณจะเลือกจัดงานแต่งงานแบบหน้าใหญ่ประเภทขี่ช้างจับตักแตนแล้วนั่งเกี่ยง กันชำระค่างวดหลังแต่งงาน หรือจะเลือกจัดงานแต่งงานแบบพอเพียง แล้วชื่นมื่นกับซองช่วยงานที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นชีวิตคู่ได้อย่างเพียงพอ เพราะเหตุผลที่แท้จริงของการแต่งงานคือ "การให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองฝ่าย และเพื่อให้คนรู้จักได้รับทราบว่าเราแต่งงานอยู่กินกันอย่างถูกต้องและเปิดเผย"

         การ จัดงานแต่งงานจึงเป็นเรื่องของคู่แต่งงานที่แทบไม่ได้ส่งผลอะไรกับแขกที่มา ร่วมงานสักเท่าไหร่ ต่อให้จัดงานให้หรูหราฟุ่มเฟือยสักแค่ไหน ไม่ทันข้ามวัน หรืออย่างดีก็พูดถึงไม่เกิน 2 วันแขกก็ลืมไปแล้วว่าบรรยากาศในงานเป็นอย่างไร...รู้อย่างนี้แล้วจะจ่าย แพงกว่า (เพื่อหวังเอาใจแขก) ไปทำไม ในยุคน้ำมันลิตรละ 30 บาท มาม่าซองละ 6 บาทแบบนี้ คิดจะทำการอะไรก็ต้องรัดเข็มขัดกันหน่อย

         WE ฉบับนี้จึงรวบรวมสารพัดวิธีรัดเข็มขัดให้คุณจัดงานแต่งงานแบบประหยัดแถมได้ กำไรมาฝากโดยเพิ่มเติมจาก WE ฉบับเดือน พ.ย.2550 ที่ได้เสนอแนวทางการจัดงานแต่งงานแบบประหยัดไปบ้างแล้วคือ เตรียมวิสกี้ไปเอง,เลือกสไตล์งานให้สบายกระเป๋า,ใช้ดอกไม้โรงแรมคุ้มกว่า, เพื่อนกันร้องเพลงให้ถูกเงินดี,MP3 ช่วยได้ ประหยัดหลายตังค์,จัดงานหน้าโลว์ถูกกว่าเห็นๆ,นับแขกก่อนสั่งอาหาร,กล้อง ดิจิตอลถูกกว่าฟิล์ม,สั่งเค้กของโรงแรมถูกกว่าชัวร์ ทำตามนี้ได้ก็เรียกว่าประหยัดเงินได้เยอะ 

   

1. รีบแต่งงานก่อนคุณพ่อคุณแม่ "แซยิด" (อายุ 60ปี)

         แต่ง งานในช่วงที่คุณพ่อคุณแม่ยังทำงานอยู่ดีที่สุด ยิ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ทำงานในสายราชการ รัฐวิสาหกิจยิ่งต้องรีบ เพราะส่วนใหญ่คุณพ่อคุณแม่ที่ยังทำงานอยู่ในหน่วยงานของรัฐบาลจะมีอายุงาน เกิน 10 ปีขึ้นไปแทบทั้งนั้น และตลอดช่วงเวลาที่ทำงานมา ท่านคงสนับสนุนใส่ซองช่วยงานเพื่อนๆ ไว้ไม่มากก็น้อย และตามธรรมเนียมคนไทย เมื่อเราใส่ซองช่วยงานใครไว้เท่าไหร่ เวลาเราจัดงานเขาจะใส่ซองกลับมาให้มากกว่าที่เราเคยใส่เล็กน้อย

         และ ที่ต้องรีบแต่งก่อนท่านเกษียรณก็เพราะสะดวกในการแจกซอง และตามเก็บซองคนที่มาร่วมงานไม่ได้ในวันถัดไปได้แบบไม่เขินเท่ากับตอนที่ เกษียรณไปแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นอานิสงส์ที่ทำให้ลูกหลานยิ้มแก้มปริ เมื่อเห็นจำนวนแขก และจำนวนซองที่ได้รับ และเป็นที่มาว่าทำไมเวลาลิสต์รายชื่อแขกจึงต้องยึดแขกของผู้ใหญ่เป็นอันดับ แรก

2. สถานที่จัดงานใกล้-ไกลมีผลทั้งนั้น

         WE ได้เคยเสนอเทคนิกการเลือกสถานที่จัดงานแต่งงานในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับเงิน ในกระเป๋าไปแล้วว่า ควรเลือกแต่งงานหน้าโลว์ซีซั่น อย่างเช่นราคางานจัดเลี้ยงของโรงแรมเพนนินซูลา คิดราคาช่วงไฮซีซันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม ราคาเริ่มต้นที่ 350,000-480,000 บาท (ขึ้นอยู่กับชนิดของห้องจัดเลี้ยง) แต่ในหน้าโลว์ซีซันคือตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนตุลาคม ราคาจะเริ่มต้นที่ 300,000-450,000 บาท ถูกกว่าเห็นๆ

         แต่ ถ้านับเงินในกระเป๋าแล้วเหลือน้อยเกินไปที่จะเลือกจัดงานแต่งงานในโรงแรม แนะนำให้เลือกจัดงานที่สโมสรหรือร้านอาหารจะช่วยประหยัดได้อีกโข อย่างเช่นที่นันทอุทยานทหารเรือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ ถนนอิสรภาพ เขตบางกอกน้อย เป็นอาคารขนาดใหญ่ มีที่จอดรถกว้างขวาง รับจัดเลี้ยงงานแต่งงานแบบบุฟเฟ่ต์และโต๊ะจีน รับคนได้ตั้งแต่ 500-600 คนขึ้นไป ราคาจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์เริ่มต้นที่ 330-380 บาทต่อคน

         แบบ โต๊ะจีน รองรับได้ตั้งแต่ 20-60 โต๊ะ ราคาเริ่มต้นโต๊ะละ 2,950-4,500 บาท แต่ถ้าคุณมีคุณพ่อคุณแม่หรือญาติๆ เป็นรับราชการทหารจะได้สิทธิ์รับส่วนลดพิเศษอีก ช่วยเซฟเงินได้อีกเยอะ หรือจะจัดงานแต่งงานในร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

         อย่าง เช่น ภัตตาคารมังกรหลวง ย่านบางนา (ใกล้ไบเทคบางนา) เป็นภัตาคารอาหารจีนที่มีสถานที่ใหญ่โต กว้างขวาง และหรูหราด้วยสถาปัตยกรรมการตกแต่งแบบจีน ทำให้มีวิวถ่ายรูปในบรรยากาศแบบจีนๆ มากมาย จุคนได้มากถึง 550 คน โดดเด่นด้วยการจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีน ราคาเริ่มต้นที่ 3,200 บาทจนถึง 6,500 บาท
    
         และ ถ้าคุณมีแขกน้อยแค่ 50-80 คนเลือกจัดงานในร้านอาหารรับรองคุ้มสุดๆ เลือกร้านอาหารเก๋ๆ อย่างร้าน The Tank Aqua Cafe & Restaurant ซอยเอกมัย จัดปาร์ตี้แต่งงานรับรองถูกใจเพื่อน บรรยากาศของร้านเป็นร้านกระจกเก๋ๆ ตั้งอยู่กลางสวนสวย สำหรับสนนราคานั้น รับรองถูกกว่าการจัดงานในโรงแรมเป็นไหนๆ ในขณะที่รูปแบบการจัดงานไม่แตกต่างกัน

         เพราะ มีให้เลือกทั้งแบบคอกเทลและแบบบุฟเฟ่ต์ แต่ถ้าจะเลือกจัดงานแบบประหยัดควรเลือกจัดงานวันธรรมดาจันทร์-ศุกร์ ราคาตกอยู่ที่ 50,000 บาท (ราคานี้รวมค่าสถานที่ ค่าอาหาร 10 อย่าง ค่าซอฟดริ้งก์) แต่ถ้าเลือกจัดงาน เสาร์-อาทิตย์ ต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 100,000 บาท

         แค่ นั้นยังประหยัดไม่พอ เพราะต้องเลือกโลเกชั่นให้เหมาะสมด้วยถึงจะถือว่าประหยัดได้สุดๆ เริ่มจากนำรายชื่อแขกที่คาดว่าจะเชิญมาพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่ าเป็นแขกของใคร อย่างเช่นเมื่อนับแล้วแขกส่วนใหญ่เป็นแขกที่ทำงานของคุณพ่อคุณแม่ก็ควรเลือก โรงแรมหรือหาสถานที่จัดงานใกล้ๆ ที่ทำงานของท่าน ทั้งนี้เพื่อเอาใจให้แขกส่วนใหญ่เดินทางมาร่วมงานได้สะดวก

3. เลือกเชิญแขกคุณภาพ

         การ ลิสต์รายชื่อแขกเป็นเรื่องสำคัญ อย่าคิดว่าเชิญมากแล้วจะได้หน้าว่ากว้างขวางรู้จักคนเยอะ และหวังเก็บซองได้มาก ให้คิดว่าเชิญแขกมากเท่าไหร่ ค่าอาหารก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว และถ้าคุณจัดงานแบบโต๊ะจีนยิ่งต้องเลือกเชิญแขกให้มากเป็นพิเศษ เพราะถ้าได้แขกประเภทแจกซองเดียวมาหมดบ้าน 7 คน แต่ช่วยใส่ซอง 300 บาท มีหวังต้องจัดโต๊ะเสริมให้แขกท่านอื่นๆ ที่มาทีหลัง แทนที่จะได้เก็บซองช่วยงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย กลับต้องมานั่งดีดลูกคิดจ่ายเงินเพิ่มแบบไม่ได้วางแผนไว้แน่ๆ "การเลือกเชิญแขกถึงแม้จะดูเป็นการเลือกปฎิบัติ แต่ก็ควรทำ เพราะไม่อย่างนั้นจะกระเทือนถึงเงินในกระเป๋าของเราได้"

         คุณ โน้ต-อริสา ผู้เคยผ่านประสบการณ์การแต่งงานมาแล้วเห็นด้วยกับการเลือกเชิญแขก พร้อมเล่าเพิ่มเติมว่า "ตอนแรกคิดแค่ว่าอยากให้มีคนมางานเราเยอะๆ เจอใครก็แจกการ์ด ถึงวันงานมีคนมาร่วมงานเยอะสมใจ แขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่มีทั้งแบบมาเดี่ยว มาคู่สามี-ภรรยา และมากันเป็นครอบครัวคือมีทั้งสามี ภรรยา ลูก และหลาน บางครอบครัวมากัน 5 คน

         บางครอบ ครัวถือโอกาสมาทานอาหารเย็นที่งานแต่งงานของเรา นับได้ประมาณ 8 คนก็มีแล้วรูปแบบการจัดงานของเราเป็นแบบโต๊ะจีน ครอบครัวไหนที่มากันเยอะ ก็ต้องยกโต๊ะให้ทั้งโต๊ะ เพราะถึงแม้จะมีที่เหลือคนอื่นก็คงไม่กล้าเข้าไปนั่งด้วย แต่พอจบงาน นั่งเกาะซองปรากฎว่าโต๊ะที่ขนกันมาทั้งบ้านใส่ซองให้ 1,000 บาท ในขณะที่บางคนมาคนเดียวใส่ซองให้เท่ากัน" 
   
4. การ์ดเชิญและของชำร่วยแบบ DIY

         ถ้า คุณรู้ล่วงหน้า และมีเวลาเตรียมงานแต่งงานนาน คุณโอมเพี้ยง สไตล์ลิสต์และเจ้าของไอเดียเจ๋งๆ ในคอลัมน์ Wedding Idea ของ WE แนะนำให้ทำการ์ดเชิญและของชำร่วยแบบ DIY แทนการซื้อสำเร็จรูปจากร้าน เพราะของสำเร็จรูปที่วางขายตามร้านมักบวกค่าออกแบบ ค่าการตลาด และค่าเช่าร้านไว้ในของแล้ว ราคาจึงแพงกว่าของที่ทำเองมาก

         คุณ โอมเพี้ยงบอกว่า "ของชำร่วยแบบทำเองช่วยให้คุณประหยัดได้ก็จริง แต่ก็ขึ้นกับองค์ประกอบของความต้องการด้วย อย่างเช่นบางคนต้องการของดี หรูหรา ราคาก็ต้องแพงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าคุณต้องการของชำร่วยแบบเรียบง่าย เพื่อมอบเป็นของระลึกแทนคำขอบคุณที่มาร่วมงาน จะช่วยประหยัดเงินได้อีกมาก

         อย่าง เช่นถ้าคุณแต่งงานช่วงหน้าหนาว มอบผ้าพันคอผืนเล็กๆ เป็นของชำร่วยเหมาะที่สุด วิธีการคือซื้อผ้าป่านที่สำเพ็ง นำมาตัดเป็นเส้นเล็กๆ ขนาดฝ่ามือ ผ้า 1 เมตร ควรตัดเป็นเส้นได้ 5 เส้น ไม่ต้องเย็บเก็บชายผ้าให้ยุ่งยาก ปล่อยชายผ้าให้ลุ่ยตามธรรมชาติ หาลายน่ารักๆ ให้ร้านเพ้นต์เสื้อขึ้นบล็อกสกรีนให้ แล้วเพ้นต์ลายที่ปลายผ้าทั้ง 2 ข้าง เมื่อเสร็จนำมาม้วนให้เป็นกอนกลม ซื้อโบแบบม้วนเส้นเล็กๆ จากสำเพ็งมาผูกโบให้สวย เท่านี้คุณก็จะได้ของชำร่วยน่ารักไม่ซ้ำใครในราคาเบาๆ กระเป๋าแล้ว

 

จาก Kapook.com




 
  No Image ผู้โพส : admin
สถานะ : .

Reply : [ admin ] แทรกข้อความ ในกรอบแรก
4/12/2009 - 23:26
Add?  No Card  Bad Report  Delete
 

หัวข้อ : 0046-1 | เลขหน้า : 1 ถึง 1


  เพิ่มข้อความในหัวข้อรวม : จัดงานแต่งงานอย่างไร ให้ประหยัดแถมได้กำไร หัวข้อรวม